ประวัติบาร์บี้
ประวัติของตุ๊กตาบาร์บี้เริ่มจาก บริษัทแมตเทล ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1944 โดยเอลเลียต แฮนด์เลอร์ และฮาโรลด์ แมตสัน เป็นบริษัทผู้ผลิตเฟอร์นิเจอร์บ้านตุ๊กตา โดยชื่อแมตเทิลนี้ตั้งมาจากการผสมชื่อของทั้งสองเข้าด้วยกัน ต่อมาแมตสันขายหุ้นส่วนหนึ่งของตัวเองให้แฮนด์เลอร์กับรูธ ภรรยาของแฮนด์เลอร์ ซึ่งเข้ามาร่วมธุรกิจในปีค.ศ. 1948 แม้ว่าคู่สามี-ภรยรยา แฮนด์เลอร์ มีประสบการณ์ด้านธุรกิจมาน้อย และมีเงินทุนก็น้อย แต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ความที่ประชากรที่เกิดขึ้นในยุคเบบี้บูมมีเพิ่มขึ้น ขณะที่ผู้ผลิตตุ๊กตามีน้อย จึงทำให้แมตเทลมีโอกาสยิ่งใหญ่มากในการหาตลาด สองสามีภรรยาจึงได้เรียนรู้เรื่องราวในธุรกิจมากมาย เช่น ต้องหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ล้าสมัย ต้องควบคุมราคา ปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ ซึ่งบทเรียนล้ำค่าเหล่านี้ทำให้บริษัทแข็งแกร่งและยากที่คู่แข่งจะลอกเลียนแบบ ในปี ค.ศ. 1959 แมตเทลจึงออกผลิตภัณฑ์ "บาร์บี้" ซึ่งนำชื่อมาจากลูกสาวตัวเอง "บาร์บาร่า" ส่วนตุ๊กตาผู้ชายที่มีต่อมาชื่อ "เคน" นั้นก็นำมาจากชื่อลูกชาย บาร์บี้ทำให้บริษัทแมตเทลกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ผลิตและจำหน่ายของเล่นไปทั่วโลก จากนั้นถึงวันนี้ การผลิตเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาบาร์บี้ใช้ผ้าไปแล้วมากกว่า 105 ล้านบาท มีแบบต่างๆมากกว่า 500 แบบ จำหน่ายตามประเทศต่างๆกว่า 140 ประเทศ โรงงานหลักๆอยู่ในอเมริกา และมีมาจ้างทางประเทศในเอเชียบ้าง ซึ่งคุณภาพจะต้องเท่าเทียมกัน ส่วนเรื่องแอบมีบริษัททำเลียนแบบนั่นก็อีกนะ แต่ถ้าหมายถึงตุ๊กตาที่เป็นสาขาบาร์บี้ ได้แก่ ลีกกะจัง ซึ่งเป็นตุ๊กตาที่ญี่ปุ่นได้ลิขสิทธิ์ผลิตอย่างเป็นทางการลิกะจังเป็นตุ๊กตาที่แต่งตัวแบบบาร์บี้ แต่หน้าตาจะน่ารักออกเด็กๆ เปรียบเทียบกับบาร์บี้ที่หน้าตาเป็นสาว
ที่มาของบาร์บี้
ตุ๊กตาบาร์บี้หนึ่งในของเล่นที่ครองใจเด็กผู้หญิงทั่วโลกมานานหลายทศวรรษ นับตั่งแต่ปี 1959 เป็นต้นมา บาร์บี้ได้รับการทำศัลยกรรมปรับเปลี่ยนโฉมหน้ามา 4 ครั้ง คือในปี 1967 - 1977 - 1992 และ 1999 บาร์บี้ถือสัญชาติอเมริกัน มา 46 ปี และโดยครอบครัว แฮนด์เลอร์ นางรูท แฮนด์เลอร์ เจ้าของ บริษัท แมทเทล ซึ่งได้แนวความคิดที่จะผลิตตุ๊กตาตามชื่อลูกสาวว่า บาร์บี้ หรือชื่อเต็มว่า บาร์บี้ มิลลิเซ็น โรเบิร์ท ความจริงบาร์บี้ เป็นสาวราศี สิงห์ แด้เปิดตัวให้คนได้รู้จักอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 มีนาคม ในงานของเล่น TOY FAIR ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จึงถือเป็นวันเกิดบาร์บี้ และเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน ถึงวันนี้บาร์บี้มียอดขายมากกว่า 1 พันล้านตัวทั่วโลก
ตุ๊กตาบาร์บี้ …46 ปี แห่งตำนานความฝัน
ตุ๊กตาบาร์บี้ หนึ่งในของเล่นที่ยึดครองหัวใจของเด็กหญิงทั่วโลกมานานหลายทศวรรษ นับแต่ ปี ค.ศ.1959 เป็นต้นมา บาร์บี้ได้รับการศัลยกรรม ปรับเปลี่ยนโฉมหน้ามาแล้วถึง 4 ครั้ง คือในปี 1967, 1977, 1992 และ 1999 บาร์บี้ถือสัญชาติอเมริกัน มาประมาณ 46 ปีแล้ว โดยครอบครัวแฮนด์เลอร์-นางรูท แฮนด์เลอร์ เจ้าของบริษัท แมทเทล ซึ่งได้แนวความคิดที่จะผลิตตุ๊กตาสำหรับเด็กโต ในรูปแบบ 3 มิติ จาก บาร์บาร่า ลูกสาวของเธอขณะที่บาร์บาร่ากำลังนั่งเล่นตุ๊กตากระดาษ และได้ตั้งชื่อตุ๊กตาตามชื่อของลูกสาวว่า บาร์บี้ หรือในชื่อเต็มว่า บาร์บี้ มิลลิเซ็น โรเบิร์ท (Barbie Millicent Roberts) ความจริงบาร์บี้เป็นสาวราศีสิงห์ แต่ไปเปิดตัวให้คนรู้จักอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 9 มีนาคม ในงานแสดงของเล่น Toy Fair ที่เมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา จึงได้ถือเป็นวันเกิดของตุ๊กตาบาร์บี้เรื่อยมา นับจากวันนั้นตุ๊กตาบาร์บี้ก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน…ถึงวันนี้บาร์บี้มียอดขายมากกว่า 1 พันล้านตัวในทั่วโลก สำหรับประเทศไทยบริษัท แมทเทล มอบหมายให้บริษัท ดีทแฮล์ม เป็นตัวแทนจำหน่ายตุ๊กตาบาร์บี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากในเวลานั้น บาร์บี้เป็นตุ๊กตาผู้หญิงตัวแรก ที่มีขนาดกะทัดรัด มีรูปทรงลอยตัว และมีลักษณะที่เหมือนคนจริง “บาร์บี้” มีอิทธิพลกับเด็กที่กำลังจะเริ่มเป็นสาวเกือบทั่วโลกมากกว่าความเป็นเพื่อนเหมือนตุ๊กตาทั่วไป โดยเด็กๆ ตั้งความฝันที่จะโตขึ้นแล้วสวย แต่งตัวทันสมัย ใส่เสื้อผ้าที่ออกแบบโดยนักออกแบบที่มีชื่อเสียง ซึ่งเป็นอีกพัฒนาการหนึ่งของตุ๊กตาบาร์บี้ในระยะเวลาต่อมา ทำให้เด็กๆ มองว่า บาร์บี้คือสิ่งที่พวกเขาอยากจะเป็นในอนาคต
เรื่องราวของบาร์บี้มีชีวิตเหมือนคนจริงมากขึ้น เมื่อบาร์บี้มีแฟนหนุ่มชื่อเคน คาร์สัน (Ken Carson) ในปี ค.ศ.1961 หรือใน 2 ปี ต่อมาหลังจากที่บาร์บี้ถือกำเนิด ซึ่งในเวลาต่อๆ มา บาร์บี้ก็เริ่มมีสังคมมากขึ้นด้วยการมีเพื่อนต่างสีผิว, เพื่อนของเคน, น้องชาย, น้องสาว, ลูกพี่ลูกน้อง และเพื่อนสาวอีกมากมายบาร์บี้กลายเป็นหนึ่งในของสะสมของบรรดาหญิงสาวที่หลงใหลในตุ๊กตาบาร์บี้ โดยไม่เกี่ยงว่าจะมีราคาค่างวดมากน้อยเพียงใด
…และแซนดี้ หงส์ ก็เป็นหนึ่งในนั้นไม่ใช่เรื่องที่ใครจะคาดคิดมาก่อนว่า ความคลั่งไคล้ในตุ๊กตาบาร์บี้ของแซนดี้ หงส์จะนำเธอไปสู่การเป็นสุดยอดแฟนพันธุ์แท้นักสะสมตุ๊กตาบาร์บี้คนแรกของประเทศไทย แซนดี้ยอมรับว่า ทุกย่างก้าวที่เธอไปต้องมีบาร์บี้เป็นส่วนหนึ่งในร่างกายเสมอ ล่าสุดคือนาฬิกาข้อมือบาร์บี้สีชมพู เครื่องประดับประจำตัวเธอในเวลานี้และเธอยังยืนยันว่า ไม่มีใครสามารถแยกเธอออกจากตุ๊กตาบาร์บี้ได้ “เริ่มสะสมตุ๊กตาบาร์บี้มาตั้งแต่ปี 1995 สมัยเรียนที่ มหาวิทยาลัยโลซาน สวิสเซอร์แลนด์ เพราะเพื่อนให้ตุ๊กตาบาร์บี้ ควีนออฟฮาร์ท หรือราชินีแห่งหัวใจ เป็นของขวัญวันเกิดในเดือนมีนาคม รู้สึกประทับใจมากเพราะเป็นตุ๊กตาที่สวยและมีความหมายสำหรับเรา เป็นบาร์บี้ออริจินอลที่ชอบที่สุด ส่วนบาร์บี้ Modify ที่ชอบที่สุด คือ องค์หญิงฉางผิง ที่นำมาขึ้นปกหนังสือ “OOAK One of a Kind..” เป็นหนังสือที่เน้นภาพตุ๊กตา บาร์บี้ในแบบต่างๆ สีสันสวยงามชอบตุ๊กตาบาร์บี้ เพราะมีเสน่ห์ที่ไม่เหมือนกับตุ๊กตาประเภทอื่น มีความน่ารัก สดใส สามารถนำมาเก็บสะสม ใช้ตกแต่งบ้าน หรือให้เป็นของขวัญได้ เพราะมีคุณค่า นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมอย่าง จริงจัง บ่อยครั้งลงทุนเดินทางไปซื้อตุ๊กตาถึงต่างประเทศ พอซื้อมาแล้วเราก็จะแกะเสื้อผ้าออกและสั่งให้ นัก Modify ทำตามแบบที่เราจินตนาการไว้ ซึ่งราคาก็จะแพงขึ้นไปอีก แต่มันก็ทำให้เรามีความสุข และใน วันเกิดของบาร์บี้ 9 มีนาคมของทุกปี เราจะได้รับ E-Card อวยพรวันเกิดจากบริษัทผู้ผลิต และเพื่อนๆ ก็จะส่งมาอวยพรเรา เปรียบเสมือนว่าเป็นวันเกิดของเราด้วย จึงทำให้เราผูกพันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน”10 ปี กับการสะสมตุ๊กตาบาร์บี้ จากวันนั้นถึงวันนี้ แซนดี้มีตุ๊กตาบาร์บี้มากกว่า 2,000 ตัว โดยใช้เงินไปกับการสะสมกว่า 6 ล้านบาท และด้วยจำนวนตุ๊กตาที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้แซนดี้ต้องหาบ้านให้บาร์บี้เพื่อจะได้มีพื้นที่สำหรับเก็บตุ๊กตา และดูแลรักษาอย่างเป็นเรื่องเป็นราว “จะให้ความใส่ใจในเรื่องของการดูแลรักษาตุ๊กตามาก วัสดุก่อสร้างทุกอย่างในบ้านหลังนี้ต้องเซฟตุ๊กตาของเรา ในบ้านจะติดกระจกตัดแสงสีเขียว กำแพงเป็นคอนกรีตมวลเบาช่วยระบายความร้อน หลอดไฟใช้ระบบตัดไฟอัตโนมัติเมื่อมีความร้อนสูง ใส่สารกันชื้นในตู้กระจกตุ๊กตา และจะปิดผ้าม่านเพื่อไม่ให้แสงแดดเข้ามาถึงตุ๊กตา บางวันที่อากาศร้อนจัดต้องเปิดเครื่องปรับอากาศให้บ้าง และเวลาจับตุ๊กตาเราต้องล้างมือก่อนทุกครั้ง จะทำให้เขาอยู่กับเราได้นาน”
ด้วยความที่แซนดี้สะสมตุ๊กตาและเรื่องราวของบาร์บี้ไว้มากมาย เธอจึงมีความคิดที่จะถ่ายทอดเรื่องราวของบาร์บี้ให้กับนักสะสมรุ่นใหม่ หรือน้องๆ เด็ก ๆ ที่สนใจในอีกทางหนึ่งนอกเหนือจากการจัดพิมพ์หนังสือ “One of a Kind” ก็คือการจัดแสดงตำนานตุ๊กตาบาร์บี้ในงาน The Legend of Barbie ที่ชั้น 4 ห้างสรรพสินค้าอิเซตัน ระหว่างวันที่ 24-29 มีนาคม นี้ ตุ๊กตาบาร์บี้ ถูกจับมาแปลงโฉมให้ดู หรูเลิศสวยเก๋ ด้วยเครื่องประดับอัญมณีล้ำค่า ที่ออกแบบสำหรับ สาวน้อยแห่งโลกตุ๊กตา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่เติมเต็มให้จินตนาการของพวกเธอเป็นจริงขึ้นมา และสิ่งที่ตามมามันให้คุณค่าเกินกว่าที่เราจะตีค่าเป็นราคาได้“บาร์บี้ เป็นทั้งความฝัน และจินตนาการของเด็กสาวทุกคน เพราะเราคงไม่มีโอกาสที่จะได้ใส่ชุดราตรีสวยหรูไปงานได้ทุกวัน บาร์บี้ให้ความสุขกับเรา เวลากลับมาบ้านแล้วเรามีความสุขกับโลกส่วนตัวของเรา ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ได้สมาธิระหว่างการจัด ตกแต่ง และดูแลตุ๊กตา ได้ความรู้ในเรื่องราวประวัติศาสตร์ ของประเทศต่างๆ ที่ถ่ายทอดผ่านบาร์บี้ เช่น ในเรื่องการแต่งกาย ส่วนในด้านของสังคมก็ทำให้เรามีกลุ่มเพื่อนเพิ่มขึ้นมาอีกกลุ่มหนึ่ง
การสะสมเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เราอาจจะไม่จำเป็นต้องสะสมสิ่งของที่มีราคาแพงก็ได้ เพราะของสะสมเปรียบเสมือนหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้เราจดจำสิ่งที่ดีๆในอดีตได้ การเก็บสิ่งของเหล่านี้ทำให้เกิดความคิดและจินตนาการในแง่ดี เก็บแล้วเกิดความคิดที่ว่าอยากทำนั่น ทำนี่ เหมือนกับทำหนังสือOne of a Kind ก็เป็นเหมือนการที่เราได้แชร์ความคิดให้กับคนอื่น ก็เป็นความสุขที่วัดค่าไม่ได้”บาร์บี้ เปรียบเสมือนสื่อที่เชื่อมระหว่างโลกแห่งจินตนาการ และโลกแห่งความจริงเข้าไว้ด้วยกัน สามารถสร้างสรรค์ให้โลกใบนี้สวยงามได้อย่างไม่น่าเชื่อ และตราบใดที่โลกแห่งความฝันและจินตนาการของหญิงสาวยังไม่สิ้นสุด ตราบนั้นตุ๊กตาบาร์บี้ ก็จะยังคงอยู่เป็นเจ้าหญิงในหัวใจของทุกคนตลอดกาล
ที่มาจาก
http://my1.dek-d.com/wannjung/diary/?day=2006-10-28
http://lukpue.212cafe.com/archive/
http://banbabie.igetweb.com/index.php?mo=10&art=312076
อ้างอิง puipui-barbiegirl.blogspot.com/2011/01/d.html